โดย ตำรวจภูธรภาค 1
ธันวาคม 18, 2567 13:06:49
 59
ตามสั่งการของ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร รรท.ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1
สืบเนื่องจาก ปัจจุบันแก๊งคอลเซ็นเตอร์มักจะมีรูปแบบการหลอกหลากหลายรูปแบบ เช่น แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ต่างๆ หลอกเหยื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้โอนเงินมาตรวจสอบ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มบุคคลที่อ่อนไหวต่อการโน้มน้าวใจ, กลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี, กลุ่มข้าราชการเกษียณ จึงทำให้ถูกหลอกลวงได้ง่าย และปัจจุบันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีรูปแบบที่ซับซ้อน พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และยากต่อการถูกจับกุม แก๊งคอลเซ็นเตอร์จึงเป็นผลกระทบรุนแรงต่อประเทศไทยอย่างมาก
แก๊งคอลเซ็นเตอร์มี การหลอกลวงประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ คือ
1.เครื่องมือ (อุปกรณ์ส่งสัญญาน หรือ Simbox) ซึ่งเป็นต้นทางในการหลอกลวง โดยจะทำหน้าที่ ปิดบัง อำพราง เบอร์โทรศัพท์ที่แท้จริง และแสดงเป็นเบอร์อื่น ที่ใช้โทรไปหลอกลวงประชาชน
2.คน ซึ่งส่วนใหญ่จะสั่งการจากต่างประเทศ ทำให้ต้องใช้กระบวนการในการสืบสวนจับกุมค่อนข้างนาน และมีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน โดยแต่ละหน้าที่ก็อาจจะไม่รู้จักกัน
3.บัญชีม้า เป็นปลายน้ำ ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่ได้มาหลังเกิดเหตุแล้ว มีผู้สูญเสีย หรือเสียหายไปแล้ว และส่วนใหญ่ยากที่จะติดตามทรัพย์สินกลับคืนมาได้ในทันที
ทั้งหมดนี้ ตร.สืบสวนภาค 1 ได้ดำเนินการสืบสวนมาจากเคสที่มีผู้เสียหายในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1
ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายอยู่ที่หลักหมื่นบาท แต่ก็ต้องใช้เวลาในการสืบสวนพอสมควรจนทราบว่า จุดที่ตั้งเครื่องเหล่านี้อยู่ที่ใดบ้าง ซึ่งทาง ตร.สืบสวนภาค1 มองเห็นว่า การตรวจยึดอุปกรณ์เครื่องส่งสัญญาน หรือ simbox เป็นการตัดทิ้งหรือทำลายขั้นตอนของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก่อนที่พวกนี้จะใช้เครื่องมือเหล่านี้มาหลอกลวงประชาชน เป็นการช่วยเหลือประชาชนในทางป้องกัน ไม่ให้สูญเสีย ทรัพย์สิน ดีกว่าปล่อยให้เกิดเหตุแล้วค่อยมาติดตามจับกุม
ซึ่งชุดตรวจค้น นำโดย พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 พร้อมกับเจ้าพนักงานตำรวจ บก.สส.ภ.1, เจ้าพนักงานตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ได้ตรวจยึดอุปกรณ์ Sim box ดังนี้
1.เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 เวลา 08.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นคอนโดแห่งหนึ่งในพื้นที่ จว.นนทบุรี พบ เครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์เเบบใส่ซิมการ์ด (Sim box) และอุปกรณ์ ต่างๆ พบความเชื่อมโยงกับคดีอื่นๆอีกจำนวน 14 คดี มูลค่าความเสียหาย 1,200,000 บาท
2.จากการสืบสวนขยายผลพบว่ามีการติดตั้งอุปกรณ์เครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด (Sim box) ที่คอนโดหนึ่งในพื้นที่ เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำหมายค้น เข้าตรวจค้น พบเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด ( Sim box ) และอุปกรณ์ต่างๆ พบว่ามีความเชื่อมโยงตรงกับเคสของ สภ.บางเสาธง ที่ผู้เสียหายถูกหลอกให้โอนเงิน จำนวน 25,308 บาท
3.จากการสืบสวนขยายผลของทั้งสองเคสพบว่ามีการติดตั้งเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด ( Sim box ) ที่คอนโดแห่งหนึ่งในพื้นที่ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าทำการตรวจค้น พบ เครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด ( Sim box ) และอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งนี้อยู่ระหว่างขยายผลหาความเชื่อมโยงกับเคสอื่นๆ
ทั้งนี้ ตำรวจภูธรภาค 1 ขอประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนรู้เท่าทันกลโกงไม่ถูกหลอกเป็นเหยื่อ หากได้รับสายจากเบอร์แปลกปลอมให้วางสายทันที และโทรศัพท์ไปเช็คกับหน่วยราชการ หรือองค์กรนั้นๆ โดยตรงเพื่อตรวจสอบ และจะป้องกันและปราบปราม บังคับใช้กฎหมายที่มีโทษหนักกับผู้ที่กระทำผิดฐาน “ร่วมกันทำ มีใช้ นำเข้า นำออกหรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต”
ภ.1
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง